โครงการวิจัย iTAP |
ปัจจุบันนี้ ยังไม่มียาต้านการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีชนิดใดที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัสตับอีกเสบบีไปสู่ลูกขณะตั้งครรภ์ บางสมาคมแพทย์ระหว่างประเทศได้เสนอให้มีการใช้ยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในขณะตั้งครรภ์แต่ปัจุบันนี้ก็ยังไม่มีข้อแนะนำที่ยืนยันให้ใช้ยาต้านไวรัสเป็นระยะเวลาสั้นๆในระหว่างตั้งครรภ์ หญิงตั้งครรภ์ที่มีระดับไวรัสตับอักเสบบีในเลือดสูงในช่วงตั้งครรภ์นั้นมีความเสี่ยงสูงที่สุดที่จะถ่ายทอดเชื้อไวรัสไปสู่ทารกในระหว่างตั้งครรภ์ ในด้านประสิทธิผลและความปลอดภัยของการให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสในช่วงระยะเวลาสั้นๆระหว่างตั้งครรภ์ และช่วงแรกหลังคลอดเพื่อป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากมารดาสู่ทารกในหญิงตั้งครรภ์ที่ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด:
ข้อมูลด้านประสิทธิภาพ: การวิจัยเฉพาะทางคลินิก แบบสุ่มตัวอย่าง ปกปิดทั้งสองฝ่าย เป็นการวิจัยที่ใช้ยาไร้ฤทธิ์เป็นกลุ่มควบคุมด้านคุณภาพ ซึ่งมีการดำเนินการวิจัยในประเทศจีนและประเทศฟิลิปปินส์นั้นประสบความล้มเหลวในการแสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลของยาลามิวูดีน (3TC) ที่ใช้เพื่อป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในขณะตั้งครรภ์ ( Xu al, J Viral Hepat, 2009) อย่างไรก็ตาม ได้มีการวิจัยที่ไม่ได้มีการสุ่มตัวอย่างที่ดำเนินการวิจัยในประเทศจีนแสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลของการใช้ยา telbivudine (Han GR et al, J Hepatol, 2011) ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพซึ่งอาจป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในขณะตั้งครรภ์ได้
ข้อมูลด้านความปลอดภัย: ความทนต่อยาของมารดาที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสมีการติดตามจนถึงช่วงแรกหลังคลอดนั้นยังไม่มีการประเมินอย่างเพียงพอ เป็นที่ทราบดีว่าการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิคุ้มกันในช่วงตั้งครรภ์และช่วงหลังคลอดนั้นอาจส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของค่าเอนไซม์ตับ (ALT) ซึ่งโดยปกติการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นมักจะขึ้นหลังจากการหยุดการรักษาด้วยยาต้านไวรัสซึ่งอาจกระตุ้นให้เอนไซม์ ALT เพิ่มมากขึ้นในลักษณะนี้ แทบจะไม่มีข้อมูลน่าเชื่อถือได้ในด้านความปลอดภัยหลังจากหยุดให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสในลักษณะนี้ โครงการวิจัยไอแทปจะให้ทั้งข้อมูลด้านประสิทธิผลและด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับการใช้ยาทีโนโฟเวียร์ ไดโซพร็อกซิล ฟูมาเรต (TDF) เพื่อป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีสู่ลูกในหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงในการถ่ายทอดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ผลของโครงการวิจัย iTAP ที่ดำเนินการโดยโครงการ PHPT และโรงพยาบาลในเครือข่ายของโครงการ (โรงพยาบาลรัฐ 17 แห่ง) ได้เพิ่มความน่าสนใจให้กับการนำวิธีการใหม่ไปใช้ป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากมารดาสู่ทารก ซึ่งผลของการวิจัยนี้ได้ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2561 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่: ClinicalTrials.gov NCT01745822 Or refer to the Protocol: BMC Infectious Diseases สำหรับข้อมูลวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์: www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa1708131 |